Friday, September 09, 2005

ปกิณกะเรื่องเบียร์

คิดว่าไหนๆ ก็อยู่เมืองเบียร์แล้ว ผมคิดว่าน่าจะเขียนถึงเกร็ดความรู้เรื่องเบียร์ซักเล็กน้อย

ที่บอกว่าเล็กน้อยเพราะมันน้อยจริงๆ ครับ เพราะความรู้ ความชำนาญเรื่องเบียร์นั้นไหลเข้าสู่สังคมไทยมานานแล้ว ถึงขนาดร่ำๆ ว่าจะเข้าตลาดหุ้นกันเลยทีเดียว ถ้าจะไม่เรียกว่าการทำเบียร์ไม่ก้าวหน้าก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากนัก ดังนั้นที่ผมจะเล่าให้ฟังคงไม่ใช่เกร็ดความรู้เรื่องการทำเบียร์แน่ๆ แต่เป็นเรื่องชนิดของเบียร์ต่างหาก

ถ้าใครที่เคยดื่มเบียร์สัญชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น สิงห์ ลีโอ ช้าง ไท ทั้งดีกรีหนักและเบา รวมถึงเบียร์สัญชาตินอก เช่น ไฮเนกเก้น คาร์ลสเบิร์ก คลอสเตอร์ หรือพูดง่ายๆ คือเบียร์สำเร็จบรรจุขวด ทั้งหมดนี้เรียกรวมกันว่า Lager beer ครับ พูดอีกอย่างก็คือเบียร์ที่เรากินกันนั้นไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อยี่ห้ออย่างไรก็แล้วแต่คือเบียร์ชนิดเดียวกันหมด นั่นก็คือใช้กรรมวิธีที่เขาเรียกว่า Bottom fermentation ในการผลิต ส่วนจะมีที่แปลกออกมาก็นิดหน่อย เช่น Guiness เบียร์ดำซึ่งถือว่าเป็นเบียร์ชนิดพิเศษ

ส่วนในเยอรมันนั้นมีเบียร์อื่นๆ หลากหลายชนิดให้เลือกดื่มอีกมากมายกว่านี้มาก แต่คนเยอรมันนั้นแทบจะไม่กิน Lager beer เลยครับ (แถวที่ผมอยู่ไม่ค่อยเห็นคนดื่ม แต่ที่อื่นอาจจะนิยม) เค้าจะเอาไว้ส่งออกเป็นส่วนมาก คนที่นี่มันกินเบียร์จนเกือบจะเหมือนน้ำเปล่า เขาจะนิยมกินเบียร์ประเภทเดียวกับ Lager beer ที่เรียกว่า "Pilsner" หรือ "Pils" (ทางภาคใต้นิยมดื่มเบียร์อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "Hells") ผมไม่ทราบว่ากรรมวิธีในการผลิตของเบียร์สองชนิดนี้ต่างกันอย่างไร แต่รู้ว่าต่างแน่โดยที่ Pils นั้นผ่านการ fermentation ที่นานกว่า Lager แต่ทั้งคู่นั้นเอายีสต์ออกจากเบียร์หมดจนเห็นเป็นน้ำใสๆ สีเหลืองทอง และส่วนมากนั้นใช้ดอกฮอบ (Hopfen) เป็นวัตถุดิบยืนพื้นในการผลิต

นอกจากนี้ยังมีเบียร์อีกชนิดที่รสอ่อนและหอมหวานกว่าที่คนเยอรมันนิยมดื่ม เรียกว่า "Weizen" ผมเคยไปตามโรงเบียร์บ้านเราก็พบว่ามีเบียร์ชนิดนี้เหมือนกัน แต่บ้านเราเรียก เบียร์ผลไม้ ซึ่งจริงๆ แล้ว Weizen beer นั้นทำมาจากข้าวสาลีนะครับ ไม่ได้ทำจากผลไม้แต่อย่างใด เสน่ห์ของ Weizen คือจะมีกลิ่นหอมชวนดื่มมากกว่า Pils และก็จะขุ่น ไม่ใสปิ๊ง เพราะทิ้งยีสต์ให้แขวนลอยไปกับตัวเบียร์

เบียร์ชนิดพิเศษอื่นๆ ก็มีอีกมากนะครับ ไม่ว่าจะเป็น Alt beer (old beer), Malz beer (Malt beer) ตลอดจนถึงเบียร์ที่ทำกินขายกันเองเองเฉพาะบางพื้นที่ แต่ที่แน่ๆ แต่ละเมืองนั้นแทบจะมี Brand เบียร์ของตัวเองทั้งสิ้น (มีเบียร์ในประเทศนี้เป็นร้อยๆ ยี่ห้อ)

พอดีกลางเดือนนี้จะเป็นงานเทศกาลเบียร์ระดับโลกที่เมืองมิวนิก ซึ่งจัดเป้นประจำทุกปี ที่รู้จักกันดีในนามของ งาน Oktoberfest โดยเกร็ดย่อๆ ของงานนี้ก็คือเมื่อช่วงศตวรรษที่ 18-19 (ไม่แน่ใจ) สมัยที่แคว้นบาวาเรีย (รัฐบาเยิร์น) ยังไม่เป็นประเทศเยอรมันอย่างทุกวันนี้ ชาวแคว้นได้เฉลิมฉลองที่กษัตริย์ (ไม่แน่ใจว่า Max หรือ Ludwig) ทรงอภิเษกสมรส สร้างความยินดีแก่พสกนิกรเป็นอันมาก พอครบรอบวันอภิเษกสมรสจึงได้มีการเฉลิมฉลองสืบเนื่องต่อมาเป็นธรรมเนียมจนกลายเป็น Oktoberfest อย่างที่เข้าใจในปัจจุบัน แต่ก่อนมันจะเริ่มตรงกับเดือนตุลาคม แต่เนื่องจากปัจจุบันฤดูใบไม้ผลิมาเร็วขึ้นทำให้ต้องเริ่มเร็วขึ้นไปด้วยเพราะไม่อย่างนั้นจะหนาวเกินไป แต่จัดให้งานไปเลิกเอาต้นเดือนตุลาเพื่อให้ยังพูดได้ว่าเป็น Oktoberfest อยู่

แต่ถ้าท่านได้มีโอกาสไปร่วมงาน Oktoberfest แล้วล่ะก็ ลองกระซิบถามฝรั่งคนข้างๆ ท่านในโรงเบียร์ว่าเขามาจากไหน ถ้าเขาบอกว่าเป็นคนมิวนิกแล้วล่ะก็ เชิญท่านมาเตะตูดผมได้เลย เพราะคนมิวนิกจะไม่ออกมากินเบียร์ช่วงนี้เนื่องจากราคาเบียร์จะแพงมหาศาลต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ (รู้สึกว่าจะลิตรละ 6-7 ยูโร) บรรยากาศโรงเบียร์นั้นไม่เหมือนกับบ้านเราเท่าไหร่นะครับ เค้าจะนั่งม้ายาวๆ แบบเก้าอี้โรงอาหารอย่างนั้นแหละ เปิดให้กินกันตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงตีหนึ่ง ใครยังไม่สาแก่ใจก็ไปกินต่อเองตามสวน หรือสถานีรถไฟ และเบียร์ในงานก็มีขนาดเดียวครับ คือ แก้วละลิตร แปลว่ากินสามแก้วก็สามลิตรครับ


ไม่มีอะไรเป็นสาระมากนักหรอกครับ เล่าสู่กันฟังเฉยๆ ถ้าใครมีโอกาสไปโรงเบียร์บ้านเรา ลองสังเกตดูนะครับว่ามี Pilsner ขายหรือเปล่า ถ้ามีก็ลองสั่งมานะครับ

9 Comments:

At September 09, 2005 11:33 AM, Anonymous Anonymous said...

ถ้าไม่กินช่วงเทศกาลมันก็จะถูกกว่ามากใช่ม๊ะ

แต่บุนไม่กินเบียร์อ่ะ เหม็นๆๆๆๆ

 
At September 15, 2005 9:32 AM, Anonymous Anonymous said...

ได้รับเกร็ดความรู้มากมายเลยครับ จากบลอกนี้

เห็นมีเรื่องเบียร์เลยสนใจเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม น่าจะมีหลายตอนที่ เท่าที่ผมได้ทราบมาบ้าง ไม่ตรงกับของท่านเจ้าขอบบล็อก แหะ ๆ ในฐานะที่อยู่เมืองเบียร์เหมือนกัน (ผมอยู่มิวนิค เมืองอ๊อกโทเบอร์เฟสนั่นแหละครับ) ก็เลย อย่างลองคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันสนุก ๆ ด้วยคน

ประเด็นแรก เรื่อง Lager Beer กับ Pilsner

ที่ท่านบอกว่าเป็น เบียร์คนละประเภทกันนั้น จริง ๆ แล้ว คำว่า Lager Beer เป็นชื่อเบียร์ที่คนเรียกกัน ตามกรรมวิธีการผลิต คือ Lager (เก็บพักเอาไว้) ในขณะที่ Pilsner เป็นชื่อเบียร์ที่เขาเรียกกันตาม "สไตล์" ของเบียร์ (เยอรมันรับสไตล์ Pilsner มาจาก ประเทศเช็ก)แต่ถ้าถามว่า Pilsner มีกรรมวิธีการผลิตแบบไหน ต้องบอกว่า เอาเข้าจริง Pilsner ก็คือเบียร์ที่ใช้วิธี Lager เช่นเดียวกับ Lager Beer นั่นเอง... แหะ ๆ งงไหมครับ

พูดให้ง่ายเข้า ก็คือ Pilsner คือ เบียร์สไตล์หนึ่ง ในกลุ่มของ Lager Beer นั่นเอง ไม่ใช่เบียร์คนละประเภทกัน

บรรดาเบียร์ยี่ห้อต่าง ๆ ทั้งหลายในบ้านเรา เป็น Lager Beer นั้นใช่แล้วครับ โดย LagerBeer โดยปกติแล้ว อย่างที่ท่านเจ้าของบล็อกบอก เขาวิธีการที่เรียกว่า Bottom fermentation (มีอีกวิธีการหนึ่งในการผลิตเบียร์ เรียกว่า Top fermentation ตัวอย่างก็คือ Guiness เบียร์ดำสไตล์ไอแลนด์ กับ Weissbier สไตล์บาเยิน) สิ่งที่ต่างกันระหว่าง Bottom กับ Top ก็คือ

1 "ยีสต์ที่นำมาทำนั้น เป็นแบบ ยีสต์จม หรือ ยีสต์ลอย เพราะถ้า จม ก็คือ Bottom แต่ถ้า ลอย ก็เรียกกันว่า Top ส่วนเรื่องกรอกเอายีสต์ออกนั้นไม่เกี่ยว เพราะทั้งสองกรรมวิธี ถ้าผู้ผลิตต้องการให้เบียร์ใส ก็กรองออกเหมียนกัน

2. เนื่องจาก Top เกิดขึ้นในสมัยที่ เครื่องไม้เครื่องมือ และการทำเย็นยังไม่เจริญ ดังนั้น อุณหภูมิในการทำเบียร์ จึงสูงกว่า Bottom นิดหน่อยครับ

ประเด็นที่สอง เรื่อง แฮงค์ กับ Lager Beer

ถามว่า คนเยอรมันดื่ม Lager Beer หรือไม่ แหะ ๆ ตั้งแต่ผมเห็นมา ยืนยันครับว่า เขายังดื่ม Lager Beer กันอยู่ครับ โดยสุดแท้แต่ชอบ ว่าจะดื่ม สไตล์ Pilsner หรือ สไตล์ Helles (เดี๋ยวผมพูดถึง ความแตกต่างของสองสไตล์นี้อีกที) ดังนั้นเรื่องว่า คนเยอรมันไม่นิยมดื่ม Lager Beer เลยอาจเคลื่อน ๆ ไปนิด หรือไม่ก็ เราอาจได้ข้อมูลต่างกัน จากคนเหนือ และคนใต้ครับ ไม่แน่ ๆ

เรื่องแฮงค์ไม่แฮงค์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของเบียร์ครับ เพราะไม่ว่า จะเป็นเบียร์ที่ผลิตจากอะไร ด้วยกรรมวิธีไหน ก็อาจทำให้คนดื่มแฮงค์ได้เหมือนกัน เพราะมันขึ้นอยู่อุณหภูมิที่ผลิตต่างหาก กล่าวคือ ถ้าหาก ใช้อุณหภูมิค่อนข้างสูง หรือสูงมากในการผลิตเบียร์ โอกาสที่จะทำให้เกิด "แอลกอฮอล์หนัก" ที่เกิดจากสารที่ใช้ทำนั้น เข้าไปผสมอยู่ในแอลกอฮอล์ในเบียร์เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า
ใช้อุณหภูมิต่ำ ๆ

ซึ่งไอ้แอลกอฮอล์หนักนั้นเอง เป็นตัวการที่ทำให้กินแล้วปวดหัว หรือที่เรียกว่าแฮงค์ ถามว่า ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ผู้ผลิตจะใช้อุณหภูมิสูง ๆ กันทำไม คำตอบก็คือ ใช้เพื่อเร่งให้เกิดแอลกอฮอล์เร็วขึ้น เพื่อจะขายได้เร็วขึ้นนั่นเองครับ เช่น ผู้ผลิตเบียร์ในบ้านเราเป็นต้น หากสังเกตให้ดี ๆ ช่วงหนึ่งที่ เบียร์สิงห์ดังมาก ๆ เขาเร่งผลิตออกมาขาย ทำให้คนกินสัมผัสได้ ถึงความแตกต่าง คือ กินแล้วแฮงค์สุด ๆ (ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยเป็นมาก) จนฝรั่งเยอรมันเพื่อนผม (ตอนนั้นอยู่เมืองไทย) เลิกกินสิงห์ แล้วหันไปให้ช้างเหยียบแทนเลยครับ

สรุปประเด็นนี้ก็คือ ดังนั้น จะบอกว่า Lager Beer เป็นเบียร์ที่กินแล้วแฮงค์ มากกว่า Pilsner คงไม่ค่อยตรงเท่าไหร่

ประเด็นเรื่อง Pilsner กับ Helles

จริง ๆ แล้ว สองชื่อนี้ เป็นเบียร์คนละประเภทกันเลยครับ ไม่ใช่ประเภทเดียวกันแต่เรียกชื่อต่างกันตามที่ท่านเจ้าของ
บล็อกว่า

การหาความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง เบียร์สองชนิดนี้ ค่อนข้างลำบาก แต่...แหะ ๆ ถ้าใครได้ ดื่มเทียบกันก็พอจะอธิบายได้ครับ ประเด็นที่แยกเบียร์สองชนิดนี้ออกจากกันได้ คือ เรื่องรสชาติและกลิ่น เพราะเขาว่ากันว่า Pilsner จะออกขม และมีสีเข้มกว่า ในขณะที่ Helles จะสีจาง มีรสหวานปนเล็กน้อย แต่มีกลิ่นของข้าวที่ผ่านกระบวนการมอลท์ มากกว่า

และถ้าไปถามคนเยอรมัน เขาก็จะตอบกันในประเด็นเรื่อง "เนื้อเบียร์" ครับ โดยคนเยอรมันจะเห็นว่า Pilsner เป็นเบียร์ ที่มีรสชาติ และเนื้อเบียร์ เข้มข้น กว่า Helles

สรุปก็คือ จริง ๆ แล้ว Pilsner กับ Helles เป็นเบียร์ คนละชนิดกันเลยครับ ไม่ใช่แค่ชื่อ ที่เรียกต่างกันเท่านั้น

ประเด็นเรื่อง ข้าวมอลท์

จริง ๆ ก่อนหน้าที่ผมจะได้คุยกับรุ่นพี่ที่เรียนเรื่อง ไบโอเทค และสนใจเรื่องเบียร์เป็นพิเศษ ผมเอง ก็เป็นคนหนึ่งครับ ที่เข้าใจว่า มี "ข้าวมอลท์" อยู่ในโลก แต่...จริง ๆ แล้ว
คำว่า มอลท์ ไม่ใช่ ชื่อข้าวหรอกครับ เป็นชื่อ กระบวนการผลิตต่างหาก

การผลิตเบียร์นั้น จะทำด้วยการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล โดยอาศัยน้ำย่อยในเมล็ดข้าวเอง ข้าวที่ใช้ทำเบียร์โดยทั่วไปจะเป็นข้าวบาร์เลย์ ส่วนข้าวชนิดอื่นที่ใช้ทำเบียร์ได้แก่ เบียร์จากข้าวฟ่าง (Shakparo) ในแถบแอฟริกาตะวันตก หรือไม่ก็จากข้าวสาลี (Weissbier)ในเยอรมนีตอนใต้แถบบาวาเรีย

การกระตุ้นน้ำย่อยในเมล็ดข้าวให้ทำงาน เขาจะใช้การพรมน้ำให้ข้าวชื้นจนเริ่มงอกราก จากนั้นก็เอาไปอบให้แห้ง ซึ่งไอ้กระบวนการอบนี้แหละครับที่เรียกว่า "การทำมอลท์" (malting process) และเป็นที่มาของความเข้าใจผิดส่วนมากที่คิดว่า เป็นชื่อของข้าวที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการทำเบียร์ ทั้งที่ข้าวชนิดนี้ไม่มีอยู่เลย มีแต่ “มอลท์” ซึ่งทำจากข้าวชนิดไหน ก็แล้วแต่ชนิดของเบียร์นั้น ๆ เมื่อได้ข้าวที่ผ่านการมอลท์แล้ว ก็จะใช้ผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ เช่น
น้ำ และดอกฮอป (hop) เพื่อนำไปหมักด้วยยีสต์ต่อไป

(ความรู้เพิ่มเติมครับ ในบางประเทศการผลิตเบียร์อาจมีการเติมวัตถุดิบอื่นๆ เช่น น้ำตาล หรือแป้ง แต่เบียร์ที่ผลิตในประเทศเยอรมนี ถูกควบคุมคุณภาพด้วยกฏหมายที่เรียกว่า Reinheitsgebot จึงต้องผลิตจาก มอลท์ น้ำสะอาด ดอกฮอป และยีสต์ เท่านั้น)

สำหรับปัญหาเรื่อง สีของเบียร์ว่า เบียร์ดำ หรือ เบียร์กินกาแฟ อย่าง Guiness เขาทำกันอย่างไร เคล็ดลับ และความต่างก็คือ กระบวนการมอลท์ นั่นแหละครับ คือ ถ้าต้องการเบียร์ดำก็คั่วข้าวบาเล่ย์ ให้เกรียมหน่อย เท่านั้นเอง

แหะ ๆ คิดว่า คุยเท่านี้ก่อนนะครับ

 
At September 15, 2005 11:35 AM, Blogger Nattawut said...

เย้ๆๆ ในที่สุดก็มีผู้รู้ตัวจริงมาอธิบายเพิ่มเติม

ขอบคุณครับ คุณ cheguevara
ผมทราบมาว่า Pils นั้นมาจากเชคครับ แต่เพิ่งทราบว่า Lager กับ Pils นั้นคือตระกูลเดียวกัน ผมทราบมาแค่ว่ามันต่างกันที่ระยะเวลาการบ่มหมัก เลยไม่รู้ว่าจริงๆ มันคือประเภทเดียวกัน

ผมรู้อะไรมาผิดๆ เยอะเลยครับ จากเพื่อนคนเยอรมันบ้าง เพื่อนคนไทยบ้าง ขอบคุณมากๆ สำหรับคำอธิบายเพิ่มเติม

ปล ผมได้แก้ไขข้อเท็จจริงบางส่วนตามที่คุณ cheguevara ได้ให้ความรู้มาแล้วนะครับ

 
At September 16, 2005 5:15 AM, Blogger crazycloud said...

ชอบทานเบียร์ และขาหมูมาก โดยเฉพาะร้านในเกอเธ่ อ่านแล้วได้ความรู้ดี จำได้ว่าในแบบเรียนภาษาเยอรมันที่เกอเธ่ก็ใช้อยู่เหมือนกัน

 
At September 16, 2005 7:28 PM, Anonymous Anonymous said...

ยินดีแลกเปลี่ยนครับ แหะ ๆ อืม...ผมเขียนเล่าประวัติงานอ๊อกโทเบอร์เฟส แบบยาว ๆ ไว้ที่บล็อก ว่าง ๆ ขอเชิญไปร่วมแลกเปลี่ยนกันอีกนะครับ ที่นี่ครับ

อ๊อกโทเบอร์เฟส....เอ้า... โพรสสสสสท์...เอิ๊ก ๆ ๆ เอื๊อก ๆ ๆ

 
At September 17, 2005 12:27 AM, Blogger crazycloud said...

ผมว่า ท่าน เช คงไม่ต้อง ตุลาคม ที่มิวนิคหรอก เฮียแก น่าจะ alle Monaten มากกว่า Ha ha ! โพรส!

 
At September 17, 2005 5:08 AM, Anonymous Anonymous said...

หุ ๆ ๆ ๆ คุณ crazycloud อย่าพูดไปครับ เดี๋ยวนี้ บอยไม่ดื่ม ไปแล้วววววววววววววววววววครับ (หรือเปล่า ?)

 
At September 18, 2005 4:38 AM, Blogger crazycloud said...

โกหก

 
At September 18, 2005 4:00 PM, Anonymous Anonymous said...

๕๕๕๕๕๕ ท่านโต นี่ ไม่สุภาพเลย ไมดี๊ ไม่ดีครับ..เขาไม่พูดกันในที่แจ้ง

 

Post a Comment

<< Home