Tuesday, August 23, 2005

ปารีส

ผมขอติดเรื่องการล่มสลายของ Social bond ไว้ก่อนนะครับ เพราะเป็นจริงดังน้องบุณฑริก (นามสมมติ) คาดไว้เพราะว่าการไปปารีสครั้งนี้เป็นเรื่องการล่มสลายของการตามหาหัวใจไปแล้วจริงๆ มาครั้งนี้ดีกว่าครั้งที่แล้วจมเลยครับ แล้วผมคิดว่าปารีสเป็นเมืองเดียวในขณะนี้ที่ต้องมาอีกเป็นครั้งที่สาม (แน่นอนว่าจะไม่มาคนเดียวแล้ว) เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเป็นเรื่องๆ แล้วกัน

เมืองต้องห้ามสำหรับคนโสด
อันที่จริงผมจั่วท้ายล่อตะเข้เอาไว้อย่างนั้นเอง เพราะรู้ดีว่าปารีสเป็นเมืองโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นเมืองที่ผู้หญิงสวยที่สุดในยุโรป (จากสายตาคนไทยหลายๆ คนที่อยู่ที่นี่ รวมทั้งตัวผมเองด้วย) แต่ไม่ได้คิดไปตามหาหัวใจจริงจังอะไรหรอก แต่พอได้ไปเดินเที่ยวแล้ว กลับเครียดหนักกว่าเดิมเพราะพบว่าผมแทบจะเป็นคนเดียวที่มาเดี่ยวๆ ชาวบ้านเขามากันเป็นคู่ๆ ผมพบว่าตัวเองเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก คือยังไงดี เมืองมันก็สวยอ่ะแต่ไม่ควรมาคนเดียวเพราะมันจะกลายเป็นเรื่องสวยปนเศร้าไปซะ ยกตัวอย่างเช่น ผมไปที่หอไอเฟิลเพื่อไปดูแสงไฟที่เขาเปิดตอนกลางคืน แต่ดันเหลือบไปเห็นไปแอบดูหนุ่มสาวชาวฝรั่งเศสจูบกัน (French kiss) แถมนานร่วมสิบนาทีปานกับมันจะกินกันทั้งตัว เห็นแล้วก็ เออ ตูกลับบ้านดีกว่า เซ็ง (อิจฉา) ชมัด


บรรยากาศตอนโพล้เพล้ ตอนกลางคืน ของหอไอเฟิล (ส่วนมุมขวาล่างคือพวกที่ทำ French kiss กัน)
สาวฝรั่งเศส

เมืองที่นักเรียนสถาปัตยกรรมต้องไป
ผมเองได้ยินหลายคนบอกมานานแล้วว่าถ้าเป็นสถาปนิกแล้วล่ะก็ อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตควรไปดูเมืองอย่างปารีสให้ได้ เพราะมีสถาปัตยกรรมน่าสนใจชนิดดูไม่หวาดไม่ไหวตั้งแต่ยุคเก่าโกธิค เช่น Sainte Chapelle หรือวิหาร Notredam แถมถ้าเป็นนักเรียนสถาปัตยกรรมจะไม่เสียค่าเข้าชมอีกต่างหาก หรืออาคารยุคบาโรค-รอคโกโก อย่างพราะราชวังแวร์ซายส์ หรือ Luxembourg จนถึงสถาปัตยกรรมยุคใหม่อย่าง Parc de la Villette ที่ออกแบบโดย Bernard Tschumi (คณบดีคณะสถาปัตยกรรมแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย), Institut du Monde Arabe ที่ออกแบบโดย Jean Nouvel, Pompidou center โดย Sir Richard Roger กับ Renzo Piano, หรือ หอสมุดฟรองซัวร์ มิสเตอรองส์ ออกแบบโดย Dominique Perault

Pompidou center

Parc de la Villette
หอสมุดฟรองซัวร์ มิสเตอรองส์

Sainte-Chapelle

นอกจากสถาปัตยกรรมแล้ว การรอกแบบเมืองปารีสก็เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาของนักเรียนผังเมืองมาตลอด แม้แต่ถนนราชดำเนิน พระบรมรูปทรงม้า หรืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิยังต้องลอกแบบมา (เรื่องการวางแนวแกนเมืองทางกายภาพ) ได้แก่ Arch de Triump และ Champs-Elysees

Champs-Elysees กับทางเท้ากว้างสุดๆ

สวนแวร์ซายส์
สมัยที่ผมเป็นนักเรียนสถาปัตยกรรม อาจารย์ท่านหนึ่งแกแคยบอกไว้ตอนไปเที่ยวแวร์ซายส์ว่า สถาปัตยกรรมของพระราชวังแวร์ซายส์นั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ ที่เด็ดจริงๆ คือสวนเพราะมีการอาศัยความรู้ด้าน perspective ในการออกแบบสวน ทำนองเดียวกับที่นำมาใช้หน้าวิหารเซนต์ปีเตอร์ บนเนื้อที่กล่าวสามร้อยเอเคอร์ อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่สุดวิจิตรของพระราชวังแวร์ซายส์ พระราชวังฤดูร้อนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14-16 เห็นแล้วไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเกิดปฏิวิติฝรั่งเศสที่ต้องเอาพระเจ้าหลุยส์ 16 กับพระนางมารีอังตัวเน็ตมันตัดคอด้วยกิโยติน เพราะมันโอเวอร์สุดๆ



Moulin Rouge
ผมได้มีโอกาสไปดู Moulin Rouge การแสดง Cabaret Show ชื่อดังของโลก (การเต้น can can) ที่มีประวัติยาวนานมาร้อยกว่าปีแล้ว ด้วยค่าชมแพงระยับ (97 ยูโร) แต่ไหนๆ ก็มาแล้วเลยคิดว่าน่าจะลองไปดู

ที่จริงมันก็คล้ายๆ กับ Alcasar หรือ Tiffany show บ้านเราแหละครับ (ต่างกันตรงที่ Moulin Rouge นั้นนักแสดงจะเปลือยอก) แต่คนแสดงเป็นชายจริงหญิงแท้ ตอนแรกผมคิดว่าเหมือนในหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง Moulin Rouge แต่มันไม่ได้เป็นละครมีเรื่องมีราวแบบนั้น แต่เป็นการเต้นแบบสวยงามมากกว่า

จริงๆ แล้วมีอะไรจะเขียนถึงมากมายทีเดียวสำหรับการเที่ยวปารีสครั้งนี้ เช่นพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ที่เดินทั้งวันก็ยังไม่หมด แต่ขอผลัดเป็นคราวหน้าละกันนะครับ

4 Comments:

At August 24, 2005 1:34 AM, Blogger B ^ ^ N said...

อยากไปจังงงงงงง

 
At August 24, 2005 2:54 AM, Anonymous Anonymous said...

คราวหน้าไปด้วยกันนะคะ อยากไปๆๆๆๆๆๆๆ

 
At August 24, 2005 3:15 PM, Anonymous Anonymous said...

^
^
^

อะเจ้ยยยยย มีคนมาชวนตัดหน้าซะแล้นนนนนน อย่างงี้น้องนุ่งมีโอกาสได้ไปด้วยมั๊ยอ่ะพี่ม้าก


นู๋เปิดเทอมแล้ว ใจจะขาดดดดดดดดดด อยากได้มีดเล่มใหญ่ๆ เอามาจ้วงตัวเอง

 
At August 26, 2005 11:22 AM, Anonymous Anonymous said...

ไปเมืองโรแมนติกคนเดียว... ก็ต้องกลับมาบ่นงี้ล่ะค่ะ :P

 

Post a Comment

<< Home