Friday, July 29, 2005

บ้าน(ราชบ)ดิน(ทร์)หายไปไหน

เมื่อซัก 2-3 ปีที่แล้วผมมีโอกาสได้ไปสัมพันธ์คลุกคลี กับกลุ่มคนในอาศรมวงศ์สนิท ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในมูลนิธิเสถียรโกเศศ-นาคะประทีป จากคำเชิญชวนของ เพื่อนเอิร์ธ (นามสมมติ) เพราะเพื่อนเอิร์ธที่เป็นช่างภาพได้รับงานถ่ายรูปประกอบหนังสือที่จัดพิมพ์โดยอาศรม จริงๆ แล้วเอิร์ธรู้จักมักคุ้นกับคนในอาศรมอยู่แล้ว เพราะเป็นพวกคอเดียวกัน

ผมควรเล่าให้ฟังก่อนเล็กน้อยก่อนว่า อาศรมวงศ์สนิท เป็นชุมชนทางเลือกที่ดำเนินตามหลักการเรื่องความเป็นอยู่อย่างพอเพียง และเป็นสถานที่วิปัสนาสมาธิ ของคนที่ต้องการปลีกวิเวกหาความสงบ ซึ่งสามารถแวะมาได้ครั้งคราว ตัวผมเองก็เคยไปนอนเล่นบ้างประปราย แต่ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนจำนวนนึงที่ศรัทธาในวิถีทางเลือก ประกอบไปด้วยนักคิด ศิลปิน ปัญญาชน กวี ฯลฯ ที่อาศัยอยู่และดำเนินงานช่วยกิจกรรมอาศรมอย่างสม่ำเสมอ โดยหนึ่งในกิจกรรมชีวิตทางเลือก คือ "บ้านดิน" ที่เป็นสถาปัตยกรรมทางเลือก โดยเสนอแนวคิดให้คนปลูกบ้านอยู่เอง ที่ทำจากดินเกือบทั้งหลัง

อันที่จริงบ้านดินไม่ใช่ของใหม่ (แต่ใหม่ในสังคมไทย) คุณโจน จันได ที่เป็นหัวหอก แกได้แนวคิดนี้มาจากที่สหรัฐอเมริกา และแกก็เห็นว่าสอดคล้องกับแนวทางการพึ่งตนเอง จึงมาสร้างเป็นกิจกรรมทางเลือก อย่างน้อยก็เรื่องที่อยู่อาศัย เพื่อขยายผลให้เกิดชุมชนที่พึ่งตนเองได้ โดยใช้บ้านเป็นเครื่องมือ รายละเอียดผมจะไม่กล่าวถึงมาก เอาเป็นว่า อาศรมมีกิจกรรมทำบ้านดินแล้วกัน

หลังจากเข้าไปคลุกคลีผมก็ได้มีโอกาสรับความรู้เรื่องการสร้างบ้านดิน แนวคิดต่าง ๆ โดยมีเพื่อนผมอีกคนเป็น staff อยู่ก่อนแล้ว
เพื่อนคนนี้ของผมชื่อต่าย (นามสมมติ) ชื่อจริงชื่อ "ราชบดินทร์" ต่ายเป็นเพื่อนที่คณะผมเอง แต่มาทำบ้านดินอยู่ก่อนแล้วโดยคำชวนของเอิร์ธ (อีกแล้ว)ผมเข้าใจว่าต่ายมาทำตรงนี้เนื่องจากเบื่องานออฟฟิศ
ผมควรบอกไว้ด้วยว่า ต่ายเป็นเพื่อนที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ชีวิตผมเป็นอย่างทุกวันนี้ ผมและได้เรียนรู้อะไรจากต่ายมากมาย เรียกได้ว่าเป็นกัลยาณมิตรทางปัญญา (คำนี้ผมไม่ได้คิดเองนะ แต่ลอกมาจาก เวบล็อกอื่น เพราะเห็นว่าเท่ห์ดี)

มาที่บ้านดินต่อ
กิจกรรมบ้านดิน ในตอนนั้นเป็นที่ฮือฮามาก ได้รับความสนใจจากสื่อหลายแขนง ก่อตัวขึ้นในหมู่ชนชั้นกลาง มีอาจารย์ นักศึกษา หลายสถาบันมาดูงาน มาวิจัย ทั้งเรื่องการพัฒนาวัสดุ การประหยัดพลังงาน การพัฒนาระบบการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานขึ้น ฯลฯ ความนิยมของบ้านดินนี้ ส่วนหนึ่งสอดคล้องกับ วาทกรรม "ทางเลือก" ที่เป็นที่นิยมหรือเป็นกระแสขณะนั้น เช่นพวกอาหารชีวจิต ดนตรีนอกกระแส(แต่ไม่ใช่เด็กแนวนะ) ใจผมเองนั้นคิดว่า การพัฒนาเรื่องวัสดุหรือเรื่องพลังงานอะไรนั้นมันก็ฟังดูดีหรอก แต่สาระของบ้านดินมันอยู่ที่การสร้างบ้านด้วยมือตัวเองต่างหาก มันถึงได้ "สด" แบบในรูปข้างล่าง เพราะมันแทบจะไม่ได้แปรรูปอะไรเลย แค่นำดินไปตากแดด ก็เป็นวัสดุก่อผนังได้แล้ว แต่ถ้าวิทยาการพัฒนาคุณสมบัติด้านอื่นๆ ของบ้านดินทำให้เจ้าของบ้านต้องพึ่งคนอื่นมากขึ้น พึ่งกระบวนการผลิต พึ่งตลาด เสียแล้ว บ้านดินก็ทำหน้าที่ได้อย่างมากก็ป็นแค่วัสดุก่อสร้างที่ทำมาขายแข่งกับ อิฐบล็อก อิฐมอญ เท่านั้น

แต่ก็มีหลายคน เดินทางมาดูงานเพราะอยากบริโภคสัญญะ "ทางเลือก" กับเขาบ้าง ถึงขนาดจ้างคนในอาศรมไปสร้างบ้านด้วยดินให้เขาเลย ซึ่งก็ได้แต่ปฏิเสธไปว่าสอนให้น่ะได้ แต่ต้องสร้างเอง เพราะถ้าจ้างคนมาสร้างแค่เริ่มคิดก็ต้องพึ่งคนอื่นเสียแล้ว

แต่แล้วมัน (บ้านดิน) ก็หายไปจากความสนใจของชนชั้นกลางอย่างรวดเร็วเช่นกัน จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่ได้ยินข่าวอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับบ้านดินอีกเลย (คงเพราะผมอยู่ต่างแดนด้วยมั้ง) ตอนนี้ถ้าเข้าใจไม่ผิดไม่น่าจะมีใครไปดูงานบ้านดินที่อาศรมมากมายนัก ผมคิดว่าดีแล้ว กิจกรรมบ้านดินที่อาศรมก็จะได้เน้นการออกไปสร้างชุมชนทางเลือกจริงๆ

ต่าย(นามสมมติ)ที่ง่วนอยู่กับการเป็นวิทยากรบ้านดินให้ชุมชนต่างๆ ตลอดจนการเขียนหนังสือคู่มือการสร้างบ้านดินอยู่พักใหญ่ ก็ได้อานิสงฆ์จากการทำชุมชนทางเลือก จนขณะนี้ไปสร้างชีวิตทางเลือกของตัวเอง โดยทำวนเกษตรเต็มตัวอยู่ที่เชียงใหม่ และออกไปจากระบบทุนนิยมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ (คิดว่าดำรงชีพด้วยระบบ Barter System คือแลกของกันใช้ ไม่ใช้เงินแล้ว) แต่ยังมาช่วยงานที่อาศรมอยู่เนืองๆ

ล่าสุดคือเมื่อปีที่แล้วผมได้มีโอกาสคุยโทรศัพท์ผ่านมือถือของเพื่อนต่ายอีกที(ต่ายเลิกใช้โทรศัพท์ด้วย)เพราะอยากคุยกับต่ายเนื่องด้วยผมคงไม่ได้อยู่เมืองไทยซักระยะ แต่แล้วเสียงปลายสายบอกกับผมว่า "ต่ายไม่อยู่ อยู่ที่นา มีอะไรด่วนรึป่าว จะได้บอกต่ายให้"

สิ้นบทสนทนา มันทำให้ผมมีความรู้สึกบรรยายไม่ถูก ได้แต่ยิ้มในใจลึกๆ
หวังว่า "บ้าน(ราชบ)ดิน(ทร์)" คงไม่หายไปจากพวกเราตลอดกาล


เอารูปการสร้างบ้านดินมาฝากด้วยครับ เทคนิคนี้เรียกว่า "Rattle and Darf" (หวังว่าสะกดไม่ผิดนะ)


รูปการทำบล็อกอิฐ (ดิน)

4 Comments:

At July 29, 2005 6:31 AM, Anonymous Anonymous said...

ชอบตัวหนังสือของพี่ม๊าก อ่านแล้วสบายตัวดีนะ เหมือนไอติมมะพร้าวอ่อน ไม่มีจิตมาร

 
At July 29, 2005 12:11 PM, Blogger vok89 said...

ไอ้ต่าย นามสมมุติ มันจะรู้ไหมน้อ ว่าเราคิดถึงอ่ะ

 
At July 30, 2005 11:27 AM, Anonymous Anonymous said...

พี่ม้าก ปอหนีไปเที่ยวทะเลแป๊บเดียวเอง กลับมาอ่านไม่ทันแล้วเนี่ย เยอะมาก อย่าเพิ่งหมดแรงเขียนนะคะ ..

แล้วแบบพี่เขียนได้มีสาระมาก รู้สึกว่าไดตัวเองไม่มีสาระขึ้นมาทันที .. หุหุ

 
At July 30, 2005 11:45 AM, Anonymous Anonymous said...

I hope บ้าน(ราชบ)ดิน will be around for a very long time too :-)

 

Post a Comment

<< Home