Friday, August 12, 2005

universal space (เที่ยวสเปนตอนจบ)

เย็นวันแรกของการท่องเที่ยวสเปนของผมเมื่อราวครึ่งปีที่แล้วจบลงที่การเที่ยวชมอาคารหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง ผมจำได้ดีเพราะผมนั่งดูอาคารหลังนั้นเปลี่ยนสีตั้งแต่เย็นๆ ไปจนพลบค่ำ มันเป็นอาคารรูปร่างคล้ายๆ กล่องกระจกหลังหนึ่ง โดยที่สำหรับคนทั่วไปที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้นอาจไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่ หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวเองก็ตาม แต่สำหรับนักเรียนสถาปัตยกรรมทั่วโลกนั้นรู้ดีว่าอาคารหลังนี้ได้ทิ้งมรดกที่เป็นไวยกรณ์ทางสถาปัตกรรมที่ยังคงมีอิทธิพลต่อการออกแบบในยุคปัจจุบัน แน่นอนอาคารหลังนี้ มันก็คือ "Barcelona Pavilion"

Mies van de Rohe อออกแบบอาคารขนาดราว 100 ตรม หลังนี้ เมื่อครั้งงาน Expo เพื่อแสดงความห้าวหน้าทางสถาปัตยกรรมของโลกในปี 1925 สำหรับผมแล้ว Barcelona Pavilion เป็นหนึ่งใน Master piece ของ Mies van de Rohe (อีกชิ้นก็คือ Farnsworth house) เนื่องจากว่าอาคารหลังนี้ไม่ได้มีประโยชน์ใช้สอยอะไรมากทำให้มันสามารถขับเอาไวยกรณ์ทางสถาปัตยกรรมของ Mies van de Rohe ออกมาได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น "Less is More" (แนวความคิดที่ว่าองค์ประกอบของอาคารควรมีแต่ส่วนที่จำเป็นเท่านั้น หรือแปลง่ายๆ ว่าทำน้อยได้มาก) , "God is in detail" (แนวความคิดว่าอาคารที่ดีควรมีรายละเอียดทางการก่อสร้างที่ดี) แต่ที่ชัดเจนที่สุดนั้คือ "Universal space"

ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นห้องเมื่อเข้าไปอาคาร ความไม่ชัดเจนว่า "ข้างนอก หรือ ข้างใน" น่าจะเป็นความรู้สึกชัดเจนที่สุดเมื่อผมมีประสบการณ์กับอาคารหลังเล็กหลังนี้ ผนังระหว่างอาคารที่ไม่ชนกับเพดาน ไม่มีมุมของอาคารที่เกิดจากผนังสองแนวมาชนกัน มีเพียงผนังระนาบเดีวที่กั้นเพื่อแยกส่วนใช้สอยของอาคารเท่านั้น หลังคาและเสาที่บางเฉียบ แสดงให้เห็นว่าได้รีดเอาคุณสมบัติที่มีอยู่ในวัสดุตามศักยภาพของมันออกมาเป็นลักษณะภายนอกทางสถาปัตยกรรม ตลอดถึงขนาดของหน้าต่าง แผ่นพื้นที่มีสัดส่วนต่อกัน

Barcelona Pavillion หลังนี้จะถูกสร้างใหม่ภายหลัง ในปี 1930 หลังจากที่ถูกรื้อทิ้งเมื่อเสร็จงานแล้วซึ่งว่ากันว่า หลัง original ของที่ Mies van de Rohe สร้างนั้นมีความสมบูรณ์กว่าหลังนี้ เพราะเลือกพินอ่อนสีเขียวสำหรับผนังเองกับมือทุกก้อน อีกทั้งกำหนดเลยว่าแต่ละก้อนอยู่ตรงไหน

แต่แค่นี้ก็กลับไปนอนหลับฝันดีแล้วครับ

2 Comments:

At August 12, 2005 5:17 AM, Blogger B ^ ^ N said...

ชอบงานกราฟฟิกด้วย ก็เลยชอบงานแนวนี้มาก และสำหรับบุนนะ งานสถาปัตยกรรมที่งดงาม ก็คืองานกราฟฟิกที่ดีชิ้นนึงด้วยเหมือนกัน

ดังที่เห็นในรูป

*
*
*
กรี๊ดๆๆๆ

ค่ะ

 
At August 15, 2005 4:24 PM, Anonymous Anonymous said...

You are really lucky to see that in real life, Pmark. I'm so jealous. :-D

 

Post a Comment

<< Home